พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป (หอศิลปเจ้าฟ้า) และ The Art Auction Center ชวนเสพความงามแห่งห้วงเวลาจากเรื่องเล่าในตำราและคำเล่าขานที่สืบต่อกันมา ในนิทรรศการ 200 YEARS JOURNEY THROUGH THAI MODERN ART HISTORY ร้อยเรียงเรื่องราวกว่า 2 ศตวรรษของประวัติศาสตร์ศิลป์จากขรัวอินโข่ง (ราวรัชกาลที่ 4) ถึงปัจจุบัน
โดยคัดสรรงานศิลปะระดับประเทศที่หาชมยากกว่า 100 ชิ้นจากคอลเล็กชันของ คุณกรกมล และคุณพิริยะ วัชจิตพันธ์ นักสะลมงานศิลปะ และผู้ก่อตั้ง The Art Auction Center บริษัทประมูลศิลปะอันดับ 1 ของประเทศไทย ที่รวบรวมผลงานศิลปะอันทรงคุณค่ามานับสิบปี ด้วยแนวคิด “พิพิธภัณฑ์ศิลปะเพื่อสาธารณะ” ก่อนจะเปิดโอกาสให้คนรักงานศิลป์ได้ชื่นชมผลงานศิลปะของศิลปินชั้นครูจนถึงศิลปินรุ่นใหม่ ที่ต่างก็สร้างชื่อเสียงให้ศิลปะไทยโด่งดังไกลในต่างแดน
ร่วมออกเดินทางผ่านประวัติศาสตร์ศิลป์สมัยใหม่ของไทย ผ่านศิลปะสยามในยุคล่าอาณานิคม (Colonial Era) เคลื่อนสู่ปฐมบทของศิลปะสมัยใหม่ในประเทศไทย (Modern Art) จากผลงานจิตรกรรมล้ำค่าของ “ขรัวอินโข่ง” ฝีแปรงและลายเส้นอันเปี่ยมพลังของ “ถวัลย์ ดัชนี” สู่งานศิลป์ของศิลปินยุคใหม่อย่าง “มอลลี่–นิสา ศรีคำดี” (Crybaby) ตลอดจนงานจิตรกรรมและประติมากรรมอันประณีตงดงาม ของศิลปินที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศไทยแทบทุกท่านอย่างครบครัน ท่ามกลางงานศิลปะนับร้อยที่คุณจะได้รื่นรมย์อย่างใกล้ชิด เราได้คัดสรร 8 ผลงานศิลปะหาชมยากที่จัดแสดงในนิทรรศการครั้งนี้มาฝาก
1. จิตรกรรมของขรัวอินโข่ง
พระสงฆ์แห่งวัดราษฎร์บูรณะหรือ “วัดเลียบ” ที่เกิดในสมัยรัชกาลที่ 3 ด้วยใกล้ชิดกับวัดมาตั้งแต่เด็กจึงสนใจงานศิลปะ ช่วงแรกขรัวอินโข่งฝึกฝนงานศิลปะไทยแบบประเพณีนิยม ที่ส่วนใหญ่ยึดแบบแผนดั้งเดิมที่มีมาตั้งแต่อาณาจักรสุโขทัย อยุธยา สืบเนื่องมาจนถึงต้นรัตนโกสินทร์ ไม่เน้นความสมจริงตามธรรมชาติ ภาพจะดูแบนๆ ระบายด้วยสีเรียบๆ ไม่ใส่แสงเงา
2. นารายณ์บรรทมสินธุ์
ผลงานจิตรกรรมของพระเทวาภินิมมิต (ฉายเทียมศิลปไชย) หนึ่งในช่างศิลป์คนสำคัญที่ได้ถวายงานแก่ราชสำนักตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทั้งยังเป็นพระอาจารย์ทางด้านศิลปะของในหลวงรัชกาลที่ 8 และรัชกาลที่ 9 ภาพนารายณ์บรรทมสินธุ์สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2477 เป็นภาพพระนารายณ์ขณะบรรทมมีพระพรหมผุดขึ้นมากลางพระนาภี (สะดือ)
3. Siamese Cupid
ผลงานจิตรกรรมอันทรงคุณค่าและหาชมยากของกาลิเลโอ คินี (Galileo Chini) ศิลปินที่มีชื่อเสียงของอิตาลี ผลงานชิ้นนี้สะท้อนการสร้างสัญลักษณ์เป็นภาพตัวแทนตัวละครเทวดาของฝรั่งและเทวดาของไทยมาผสมผสานอยู่ในภาพเดียวกัน สันนิษฐานว่าคินีสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นส่วนหนึ่งของการประดับอาคาร อาจเป็นบริเวณเหนือซุ้มหน้าต่างหรือซุ้มประตู โดยในช่วงเวลาที่เขาพักนักอยู่ในสยาม
4. Girl With the Red Book
มีเซียม ยิบอินซอย ศิลปินชั้นเยี่ยมคนแรกของประเทศไทย ได้สร้างสรรค์ภาพสีน้ำมันชื่อ “วัยรุ่น” ขึ้นมาราวทศวรรษ 2500 แสดงถึงภาพของหญิงสาววัยรุ่นในชุดสีขาวบริสุทธิ์สะอาดตา นอนอ่านหนังสือล้อไปกับแนวนอนของผืนผ้าใบ โลกของหญิงสาวเปิดออกอย่างสดใสร่าเริงเฉกเช่นหนังสือปกแดงในมือของเธอที่ถูกเปิดอ่าน ท่ามกลางดอกไม้และพืชพันธุ์ที่เบ่งบานรายล้อม
5. Despair Eclipse of Intellect
ผลงานไฮไลท์ขนาดใหญ่โตมโหฬารที่สุดจากยุคบุกเบิกที่หาชมยากที่สุดชิ้นนี้ ถวัลย์ ดัชนี ใช้สีดำระบายบนผืนผ้าใบขนาดท่วมหัวจนทั่วเพื่อรองพื้น จากนั้นจึงใช้เกรียงปาดสีน้ำมันเป็นปื้นหนาๆ ทับลงไปให้เกิดเป็นรูปทรงและแสง ภาพบรรยากาศอันวังเวงภายใต้ดวงอาทิตย์ที่ถูกบดบังแสงจนมืดดำ
6. พระสังข์ทองกับนางรจนา
จิตรกรรมของ จักรพันธุ์ โปษยกฤต ชิ้นนี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2525 ด้วยเทคนิคสีน้ำมันบนผืนผ้าใบ เป็นภาพตัวละครที่แต่งองค์ทรงเครื่องสวมบทบาทพระสังข์ทองและนางรจนา ฉากหลังเป็นกระท่อมกลางป่า โครงสีของภาพอบอุ่นด้วยบรรยากาศของแสง เครื่องแต่งกายสอดคล้องตามแบบแผนของตัวละครผสมผสานกับรายละเอียดวิจิตรตามจินตนาการส่วนตัวของศิลปิน
7. Memory House
ผลงาน Memory House ของ อเล็กซ์ เฟส–พัชรพล แตงรื่น ศิลปินที่มีชื่อเสียงทั้งในประเทศไทยและระดับนานาชาติจากการออกแบบคาแร็กเตอร์เด็กหญิงสามตาในชุดกระต่าย ซึ่งเขาได้รับแรงบันดาลใจจากลูกสาว “น้องมาร์ดี” ตาที่สามสะท้อนมุมของศิลปินที่เฝ้ามองสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ลูกสาวกำลังจะเติบโตไปใช้ชีวิต
8. Cry Me A River
ปรากฏการณ์ Crybaby ของ มอลลี่–นิสา ศรีคำดี สร้างกระแสโด่งดังเป็นพลุแตกให้กับวงการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ของ Popmart ผลักดันให้มอลลี่ก้าวสู่การเป็นศิลปิน Art Toy ที่มีชื่อเสียงได้รับการยอมรับอย่างสูงไปทั่วโลก กระทั่งนำมาซึ่งการจัดนิทรรศการครั้งแรกในประเทศไทยของมอลลี่ช่วงกลางปี พ.ศ. 2565 ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูง
นอกจากนี้ ภายในนิทรรศการยังมีผลงานอันทรงคุณค่าและหาชมยากให้เลือกชมนับร้อยชิ้น ชนิดที่หากคุณพลาดโอกาสนี้ก็อาจจะน่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง นิทรรศการ 200 YEARS JOURNEY THROUGH THAI MODERN ART HISTORY พร้อมเปิดให้เข้าชมระหว่างวันที่ 13 กรกฎาคม-31 สิงหาคม 2567 ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป (หอศิลปเจ้าฟ้า) ตั้งแต่เวลา 9.00-16.00 น. (ปิดทุกวันจันทร์และวันอังคาร)
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและติดตามความเคลื่อนไหวได้ของนิทรรศการได้ที่ โทร. 02 233 7939 และ 065 097 9909 https://www.facebook.com/TheNationalGalleryThailand และ https://www.facebook.com/theartauctioncenter