‘เพียเจต์‘ เปิดภาพให้ชมกันชัดๆ ก่อนเผยโฉมจริงในงาน Watches & Wonders 2022 กับ 2 เรือนเวลาแห่งปี ที่สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญของแบรนด์ ที่บ่มเพาะมาอย่างยาวนาน อย่าง Piaget Polo Skeleton และ Limelight Gala Aventurine
Piaget Polo Skeleton
เมื่อมาสเตอร์แห่งการประดิษฐ์นาฬิกามาคอลลาบอเรชั่นกับช่างฝีมือด้านอัญมณีประจำเมซง ผลลัพธ์ที่ได้คือกลไกที่บางเฉียบราวกับแผ่นเวเฟอร์ ผสานการฝังเพชรอันละเมียดละไม เรียกได้ว่าเป็นอีกชิ้นงานที่หลอมรวมศาสตร์แห่งเรือนเวลาชั้นสูงและอัญมณีศิลป์ได้อย่างไร้ที่ติ และนี่คือ Piaget Polo Skeleton ล่าสุดประจำปี 2022
ย้อนกลับไปปี 1979 เมื่อเมซงท้าทายขีดจำกัด ด้วยการเปิดตัว Piaget Polo นาฬิกาลุคสปอร์ตสุดหรูที่ตอบโจทย์เอเวอรี่เดย์ลุคและหลวมรวมดีไซน์ โค้ดของแบรนด์อย่างStyle, Casual elegance และ Freedom ไว้อย่างครบครัน จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า Piaget Polo คือเรือนเวลาที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์ เป็นเทรนด์เซ็ตเตอร์แห่งยุค ทั้งยังสะท้อนคาแรคเตอร์ของเหล่าเกม เชนเจอร์ผู้สวมใส่อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ชื่นชอบความท้าทายและใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ผู้ที่กล้าจะเป็นตัวของตัวเองในแบบไม่ตามใคร
เมซงใช้เวลามากกว่า 2 ปี ในการพัฒนากลไก 1200S สไตล์ Skeleton จากกลไกต้นแบบเลื่องชื่อ 1200P โดยหัวใจสำคัญอยู่ที่การลดทอนชิ้นส่วนโลหะขนาดใหญ่ และคงไว้เพียงชิ้นส่วนที่จำเป็นที่ส่งผลกระทบต่อความแม่นยำ จากนั้นใช้เวลาอีก 2 ปีครึ่ง ในการศึกษาและปรับแต่งกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติ 1200S ไปจนถึงรายละเอียดอื่นๆ ให้สมบูรณ์แบบ อาทิ เพิ่มความต้านทานสนามแม่เหล็กให้สูงขึ้นเพื่อการทำงานที่เที่ยงตรงสูงสุด ก่อนส่งมอบเวอร์ชั่น 1200S1 ที่เพรียวบางสุดขั้วสู่ผู้ใช้งานตัวจริง
ตัวเรือนไวท์โกลด์ขนาด 42 มิลลิเมตร ตกแต่งด้วยเพชรบริลเลียนต์คัต 268 เม็ด และถึงแม้จะเป็น คอลเลคชั่นสายสปอร์ต แต่ตัวเรือนกลับมีความหนาเพียง 7.35 มิลลิเมตรเท่านั้น จับคู่สายนาฬิกาไวท์โกลด์ขัดเงา โดยข้อต่อแต่ละข้อมาในดีไซน์รูปตัว H ขัดผิวซาติน ประดับเพชรบริลเลียนต์คัต 1,478 เม็ด ซึ่งเพชรแต่ละเม็ดถูกเจียระไนใหม่ชิ้นต่อชิ้น เพื่อให้แน่ใจว่ารูปทรงและสัดส่วนเข้ากับการสร้างสรรค์เรือนเวลาชิ้นนั้นอย่างแท้จริง ก่อนนำมาประดับบนตัวเรือนตามแพทเทิร์นที่ออกแบบไว้ใช้เวลาทั้งสิ้นกว่า 61 ชั่วโมง
Limelight Gala Aventurine
หากเอ่ยถึงชื่อเพียเจต์แล้ว แน่นอนว่านาฬิกาถือเป็นชิ้นงานจิวเวลรี่ที่เป็นหัวใจหลักอันดับหนึ่ง ที่ช่างฝีมือของเมซงไม่เคยหยุดท้าทายขีดจำกัดในการรังสรรค์ ทุกชิ้นส่วนตั้งแต่ตัวเรือนไปจนถึงหน้าปัด หรือแม้แต่สายนาฬิกาไปจนถึงการประดับอัญมณี ล้วนถูกปลุกให้มีชีวิตด้วยเหล่าช่างฝีมือชั้นเลิศทั้งสิ้น และนี่คือเรือนเวลา Limelight Gala Aventurine ที่เปี่ยมด้วยความคิดสร้างสรรค์และแฝงศาสตร์ที่เมซงเชี่ยวชาญไว้อย่างครบครัน
แม้รูปร่างของ Limelight Gala จะชวนสะดุดตา แต่ดีไซน์ที่น่าสนใจนี้กลับมีดีเทลมากกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นตัวเรือนโค้งเว้า ขาตัวเรือนแบบอสมมาตรที่ยื่นจากแต่ละฝั่งของตัวเรือนไปยังสายนาฬิกา เพื่อสร้างเส้นสายที่เย้ายวน ไปจนถึงเพชรแต่ละเม็ดที่ถูกฝังอย่างประณีต ด้วยช่างฝีมือของเมซง ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นซิกเนเจอร์ สไตล์ของคอลเลคชั่นนี้ทั้งสิ้น ถ่ายทอดนิยามของอิสตรีผู้สวมใส่ได้อย่างชัดเจนไม่ว่าจะเป็นในแง่ของผู้สร้างแรงบันดาลใจ ผู้เปี่ยมด้วยจินตนาการที่สร้างสรรค์ ผู้ที่กล้าเผชิญหน้า และมาดมั่นในความอิสระ
สายรัดข้อมือแบบเมลานีสหนึ่งเส้น ใช้เวลาในการรังสรรค์มากกว่า100 ชั่วโมง และอาศัยช่างทำทองมากฝีมือไม่ต่ำกว่า 8 คน หากเปรียบแล้วก็เหมือนดั่งช่างตัดเย็บ Haute-Couture ที่แต่ละขั้นตอนค่อยๆ รังสรรค์อย่างวิจิตรบรรจง โดยเริ่มต้นจากนำทองคำที่ผ่านกระบวนการบัดกรี จนได้เส้นสายที่บางเบาราวกับเส้นไหม มาทำให้อยู่ในลักษณะเกลียว จากนั้นถักทอทีละเส้นเข้าด้วยกัน จนครบ 366 เส้น ก่อเกิดผลลัพธ์ที่เบาสบายเมื่อยามสวมใส่ ทั้งยังหลอมรวมเข้ากับตัวเรือนและขาแบบอสมมาตรได้อย่างกลมกลืน
นอกเหนือจากรูปลักษณ์ที่สง่างามแล้ว ภายใน Limelight Gala Aventurine ยังบรรจุกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติ Calibre 501P1 ตัวล่าสุดที่ผลิตขึ้นในโรงงานของเมซงเองอีกด้วย ทั้งยังผลิตจำกัดเพียง 300 ชิ้นเท่านั้น ตัวเรือนไวท์โกลด์ขนาด 32 มิลลิเมตร ประดับเพชรบริลเลียนต์คัตรวม 62 เม็ด โดดเด่นด้วยหน้าปัดอเวนเจอรีนสีน้ำเงินเข้ม
โดยชื่อของ ‘Aventurine’ มาจากภาษาอิตาลี ‘Avventura’ ซึ่งก็คือ ‘Adventure’ ที่สื่อถึงการค้นพบ อเวนเจอรีนโดยบังเอิญในช่วงศตวรรษที่ 17 ระหว่างกระบวนการผลิตแก้วที่โรงงานบนเกาะมูราโน่ เมืองเวนิส โดยปัจจุบันสีน้ำเงินของอเวนเจอรีน เกิดจากการเติม Copper Oxide ลงไปในแก้วนั่นเอง
สัมผัส 2 เรือนเวลาแห่งปี และเครื่องประดับชั้นสูงจากเพียเจต์ (Piaget) ได้แล้ววันนี้ ณ เพียเจต์ บูติค โดย เอส ที่ไดเมนชั่น ชั้น M สยามพารากอน โทร . 02-610-9678