รวบตึงทุกโมเมนต์แสงอันน่าหลงใหลของ Piaget EXTRAORDINARY LIGHTS จิวเวลรี่ชั้นสูง 3 เซ็ตใหม่ จาก ‘เพียเจต์‘ โดยคาแร็กเตอร์หลักยังคงได้แรงบันดาลใจ มาจากภาพแสงไฟสีเหลืองทองจากโคม ที่ลอยละล่องในช่วงเทศกาล ปรากฏการณ์แสงเหนือที่พลิ้วไหวพาดผ่านท้องฟ้าได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ หรือแม้แต่การบอกลาด้วยฉากหลังอันน่าจดจำของทะเลดาว ที่ระยับระยิบเกลื่อนฟากฟ้า
CHAPTER 1 – FESTIVE LIGHTS
Glowing Lanterns คือ ชิ้นงานใหม่ในธีม FESTIVE LIGHTS แน่นอนว่างานดีไซน์เซ็ตนี้ตีความได้เก๋ไม่แพ้ผลงานที่ผ่านมา โดยหยิบเรื่องราวการพบปะสังสรรค์สไตล์เพียเจต์ โซไซตี้ กับโมเมนต์ขณะแสงไฟสีเหลืองทองจากโคม ค่อยๆ ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า มาเป็นกรอบในการสร้างสรรค์ ซึ่งคีย์พีซชิ้นเด่นที่สวยสะกดขั้นสุดก็คือ สร้อยคอ GLOWING LANTERNS (G37R4600) ใช้เวลาสร้างสรรค์กว่า 400 ชั่วโมง เพราะอย่างทัวร์มาลีนที่ถูกนำมาประกอบตรงใจกลางของสร้อยนั้น ก็ผ่านการเจียระไนใหม่เพื่อให้การเล่นแสงออกมาแบบไร้ที่ติ ที่เก๋คือการซ่อนกิมมิคเล็กๆ ด้วยการติดตั้งสวิตช์ไฟไว้ด้านหลัง เพื่อให้ทัวร์มาลีนส่องสว่างสมจริงราวกับโคมที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า
CHAPTER 2: MAGICAL LIGHTS
แสงมหัศจรรย์ของออโรร่า ยังคงเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่น่าทึ่ง และไม่มีใครเทียบได้ ม่านแสงในโทนสีเขียว น้ำเงิน ขาวที่สลับกันพลิ้วพาดผ่านท้องฟ้ายามดึก กำลังขับกล่อมราตรีนี้ให้คึกครื้นอีกครั้ง และแน่นอนว่าเมซงไม่พลาดหยิบโมเมนต์ที่ชวนหลงใหล มาใส่ไว้ในจิวเวลรี่ชั้นสูงเซ็ตใหม่อย่าง Voluptuous Borealis ซึ่งผลงานทุกชิ้นมาพร้อมดีไซน์แบบอสมมาตร ที่ผสมโทนสีเขียวของมรกตกับประกายวาวของเพชรได้อย่างงดงาม
โดยไฮไลต์อยู่ที่อัญมณีอย่าง ‘มรกตแซมเบีย‘ ที่ขึ้นชื่อทั้งเรื่องประกายสีและการเจียระไน ที่ต้องอาศัยทักษะอันเชี่ยวชาญของช่าง เพื่อส่งมอบความงดงามของมรกตให้เด่นชัดที่สุด ซึ่งกว่าเมซงจะได้ครบเซ็ตต้องใช้เวลามากกว่า 2 ปีในการสรรหา โดยเม็ดที่ท้าทายที่สุดคือ มรกตแซมเบียทรงลูกแพร์ขนาด 10.29 กะรัต เฉดสีเขียวอมฟ้าบนสร้อยคอ Voluptuous Borealis (G37R6200) ก่อนนำมาร้อยเรียงกับเพชรทรง
บาแก็ตต์และเพชรบริลเลียนต์คัต ที่จัดวางตามรูปแบบที่เพียเจต์เชี่ยวชาญ โดยคำนวนตำแหน่งมาอย่างพิถีพิถันเพื่อให้อัญมณีทุกคัตติ้ง มอบเอฟเฟ็กต์ที่ดูน่าตื่นตาตื่นใจ ในแง่การสวมใส่แบรนด์เองก็มิได้ละเลย เพราะนอกจากถูกรังสรรค์ขึ้นอย่างละเมียดแล้ว ยังต้องสวมใส่สบายอีกด้วย ดังที่ปรากฎในงานดีไซน์ทุกชิ้นตั้งแต่เส้นสายที่โค้งเว้าเข้ากับสรีระ ไปจนถึงความลื่นไหลและความยืดหยุ่นของอัญมณีแต่ละชิ้น ที่เชื่อมโยงกันไว้ราวกับผ้าไหม
CHAPTER 3: INFINITE LIGHTS
บอกลาค่ำคืนด้วยโมเมนต์แสงไฟจากฝนดาวตกไลริดส์ หรือ Lyrid showers ปรากฏการณ์ที่หาชมไม่ง่ายนัก เพราะหนึ่งปีมีเพียงครั้งเดียว เมื่อดาวตกนับพันดวงสร้างแสงสว่างวาบผ่านท้องฟ้า ราวกับกำลังเต้นระบำอยู่เบื้องบน และนี่คือจุดกำเนิดของชิ้นงานล่าสุดในชุด Celestial Ballet โดยอัญมณีที่เมซงหยิบมาบอกเล่าคือ แซฟไฟร์สีน้ำเงิน ที่จำลองการเคลื่อนไหวของธรรมชาติและสีสันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไล่เฉดที่แตกต่างกันถึงสามระดับ ตั้งแต่สีน้ำเงินโทนสว่างไปจนถึงมืด เฉกเช่นท้องฟ้าที่แปรเปลี่ยนเมื่อยามรัตติกาล ซึ่งทั้งหมดนี้ใช้เวลามากกว่า 1 ปี ในการตามหา เพื่อให้ได้ทั้งขนาด เฉดสี และคุณภาพตามที่เมซงต้องการ ผสมผสานเข้ากับอัญมณีทรงมาร์คีส์ และทรงสามเหลี่ยมสะดุดตา อาทิ แหวน Celestial Ballet (G34N4200) กับดีไซน์แนวขวาง ที่จำลองภาพของดาวหางไลริดส์ขณะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงจากทิศตะวันออกสู่ทิศตะวันตก โดยเมซงเลือกแซฟไฟร์สีน้ำเงินจากศรีลังกา ขนาด 2.71 กะรัต มาเป็นส่วนหัวของดาวหาง ขณะที่ส่วนหางประดับด้วยแซฟไฟร์และเพชร
ทั้ง 3 ธีมคอลเลคชั่นภายใต้ Piaget EXTRAORDINARY LIGHTS นี้ เป็นเครื่องสะท้อนถึงความทะเยอทะยาน แนวคิดนอกกรอบ ที่หลอมรวมเข้ากับทักษะอันเชี่ยวชาญของเมซงได้อย่างสมบูรณ์แบบ ผลลัพธ์แต่ละชิ้นจึงสัมผัสได้ถึงเอกลักษณ์ บอกเล่าถึงแรงบันดาลใจ และสร้างความประทับใจแก่ผู้สวมใส่ได้อย่างโดดเด่นไม่ซ้ำใคร
สัมผัสเรือนเวลาและเครื่องประดับชั้นสูงจาก ‘เพียเจต์‘ ได้แล้ววันนี้ ณ เพียเจต์ บูติค โดย เอส ที ไดเมนชั่น ชั้น M สยามพารากอน โทร. 02-610-9678