‘Frivole collection’ เผยตัวท่ามกลางภูมิทัศน์ธรรมชาติภายใต้การปกคลุมของพรมหิมะ ลวดลายอ่อนช้อยราววงกลีบดอกไม้ของเกล็ดหิมะที่แสนบอบบาง ต้องแสงทอประกายระยิบระยับจับตา ราวกับล่องลอยออกมาจากดินแดนมหัศจรรย์ชวนฝันของ Van Cleef & Arpels แต่ละผลงานที่สร้างสรรค์ ล้วนอาศัยทักษะความชำนาญเหนือชั้นของเมซง ในการทวีความงดงามของวัสดุต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อทองสุกสกาววาววับ หรือพราวเพชรเจิดจรัสระยับแสง ทุกอย่างคล้ายก่อจังหวะลีลาอย่างสอดคล้อง ไม่ต่างอะไรจากท่วงทำนองของบทกวี ที่ผ่านการบรรจงรจนา และนี่คืออาณาจักรแห่งความสว่างสดใส ที่จุดประกายความฝันอันอ่อนหวานกลางเหมันตฤดู
และเมื่อมาบรรจบกับมิติมุมมองแห่งความฝันของช่างภาพหญิงสัญชาติอเมริกัน ‘โอลิเวีย บี‘ สิ่งที่บังเกิดขึ้นคือผลงานภาพถ่ายสุดบรรเจิด เต็มเปี่ยมไปด้วยความเป็นผู้หญิง และความอ่อนช้อย ละเมียดละไม ซึ่งย่อมสะท้อนถึงวิสัยทัศน์เชิงศิลป์ของเมซงได้เป็นอย่างดี
งานออกแบบที่อาศัยการคำนวณค่าสะท้อนแสง ซึ่งตกกระทบบนวัสดุผิวเรียบ และทำมุมแก่กันอย่างลงตัวบนชิ้นงานของเครื่องประดับ ‘Frivole collection’ หาได้ต่างอะไรจากจุดกำเนิดแสง เพื่อเป็นตัวแทนความเบิกบานสดใส ในเทศกาลแห่งความสนุกสนานและงานเฉลิมฉลอง เหนืออื่นใด ทั้งประกายล้อแสงของเพชรน้ำงาม ทั้งงานฝีมือขัดผิวโลหะจนขึ้นเงาราวกระจก ก็ล้วนเติมประกายสว่างพร่างพรายประดับผิวอย่างเลอค่า เสียจนไม่อาจละสายตา สร้อยข้อมือ แหวน ต่างหู สร้อยคอ เข็มกลัด และเครื่องประดับซ่อนเวลา ถูกระดมมาอยู่ร่วมกันเสมือนเป็นบทยกย่องมนตรามหัศจรรย์แห่งฤดูหนาว
เครื่องประดับแต่ละชิ้น ต่างผลิกลีบรูปหัวใจของตนที่เรียงเป็นวงดอกล้อมรอบหินรัตนชาติเม็ดเดี่ยว หรือสามเม็ดต่างเกสร ณ ใจกลาง จะดอกเดี่ยวหรือเข้าช่อ ก็ได้รับการสรรค์สร้างขึ้นเพื่อมอบประกายระยับแสงสุกใสคล้ายกำลังร่ายลำนำโศลกสรรเสริญความงามให้แก่มวลธรรมชาติอย่างวิจิตรบรรจง
งานโครงสร้างตัวเรือนเปิดโปร่ง กับงานตาข่ายโปร่งขัดผิวอย่างพิถีพิถัน ชวนให้นึกถึงลายเส้นใบไม้ที่เห็นได้ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ถือเป็นรายละเอียดบางส่วนซึ่งแสดงให้เห็นถึงไหวพริบทางการพลิกแพลงทักษะความชำนาญแขนงต่างๆ ของเมซง และถูกนำมาใช้อย่างมีศิลปะ เพื่อเร่งประกายสว่างสดใสให้แก่ผลงานเครื่องประดับในภาพรวม ด้วยลูกเล่นของการสะท้อนแสง งานฝังหุ้มเพชรลูกทรงกลมเป็นเรือนลูกปัด ซึ่งนำมาจัดเรียงแถวสุดประณีต ยิ่งช่วยเพิ่มประกายระยิบระยับสะกดสายตาให้จับจ้องไปตามแนวเส้นกราฟิกบนพื้นผิวขององค์ประกอบชิ้นงาน
ตลอดประวัติความเป็นมา เมซงสร้างชื่อเสียงเป็นที่รู้จักจากทักษะอันเลอเลิศ ในการสร้างสรรค์เครื่องประดับอัญมณี ด้วยการใช้เกณฑ์มาตรฐานสุดเคร่งครัด ในการคัดเลือกหินรัตนชาติ เพื่อจุดประกายความรู้สึก หรือใช้ถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างทรงเอกลักษณ์ ด้วยหลงใหลในความงดงามตามธรรมชาติของน้ำเพชร เครื่องประดับทั้งหลาย ซึ่งอาศัยงานออกแบบที่อยู่เหนือกระแสความนิยมของยุคสมัย เพื่อเป็นเวทีรองรับความงดงามในเนื้อแท้แห่งเพชรน้ำหนึ่ง จึงได้รับสมญานามเรียกขานว่า White Jewery หรือ ‘เครื่องเพชรสีขาว‘
สืบเนื่องมาจากการหลอมรวมประกายสุกว่างของเพชรขาวใสไร้สี เข้ากับตัวเรือนทองคำขาวหรือแพล็ทตินัม ด้วยคุณสมบัติในการสะท้อน และเพิ่มน้ำหนักความเข้มแสงของโลหะวัตถุเลอค่า ทำให้รัตนชาติจรัสความงามแห่งประกายสุกสว่างได้อย่างน่าตื่นตะลึง โมทิฟชิ้นต่างๆ ของ ‘ฟริวอล‘ ที่ให้การประดับข้อมือ ยังมาพร้อมลูกเล่นของการพลิกแพลงสร้อยข้อมือ ให้กลายเป็นนาฬิกาด้วยหน้าปัดฝังเพชรเรียงแถวจิกไข่ปลา ซึ่งทำหน้าที่บอกเวลาอย่างแยบคาย อยู่ภายใต้การปกปิดของวงกลีบดอก ติดตั้งกลไกเดือยหมุนสำหรับใช้เลื่อนเปิด/ปิด ช่อดอกไม้เลอค่ายังสามารถดัดแปลงไปเป็นจี้ร้อยสร้อยคอสายโซ่ หรือนำไปติดตั้งบนฐานโครงสร้างสำหรับใช้เป็นเข็มกลัดติดเสื้อได้เช่นกัน
เหนืออื่นใด Van Cleef & Arpels ทำการคัดเลือกเพชรคุณภาพสูงสุดตรงตามเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งยึดมั่นเป็นขนบธรรมเนียมประจำเมซงอย่างเคร่งครัด สำหรับใช้สร้างสรรค์ผลงานเครื่องประดับแต่ละชิ้น ความใส่ใจในรายละเอียดระดับเดียวกันนี้ยังครอบคลุมถึงหินรัตนชาติใจกลางวงกลีบดอก และงานฝังจิกไข่ปลาบนพื้นผิว นั่นก็คือเพชรคุณภาพระดับ D, E หรือ F ในประเด็นของสี และ IF ถึง VVS2 ในแง่ของความกระจ่างใส เพื่อให้เพชรแต่ละเม็ดเติมเต็มกันและกัน ในการเร่งระดับความเข้มแสง ทวีประกายสว่างสดใสได้อย่างเหนือชั้น