ในคอลเลคชั่น ‘Frivole’ นี้ Van Cleef & Arpels ได้บรรจงจัดทับทิมและมรกตนํ้างาม มาเติมสีสันเจิดจรัสบนตัวเรือนทองคํา ทั้งเฉดเหลืองและทองคําสีกุหลาบ ทำให้เครื่องประดับทุกชิ้นเปล่งประกายทอแสงสลับสรรพสี ราวกับบทกวีขับขานถึงมุมมองอันงดงาม ที่เมซงมีต่อทุกชีวิตบนโลกใบนี้ เหมาะสำหรับการเป็นของขวัญอันล้ำค่าเพื่อระลึกถึงความรักของแม่อันเป็นนิรันดร์
ความวิจิตรบรรจงของชุดเครื่องประดับแสงตะวัน
เป็นครั้งแรกที่เครื่องประดับ ‘ฟริว็อล‘ ได้นำมรกตมาเติมมิติแห่งสีสัน บนผลงานการออกแบบเครื่องประดับสามสไตล์ ซึ่งล้วนอาศัยเส้นโครงสร้างที่ดูเรียบง่าย กระนั้นกลับแยบคายในเหลี่ยมมุม เพื่อเร่งความเข้มแสงสะท้อนถึงขีดสุด เฉดสีเขียวสดเข้มล้ำลึกของพลอยเนื้ออ่อน ตัดกับประกายสุกสว่างของทองคำเหลืองอร่าม ที่ใช้ประดิษฐ์โมทิฟรูปหัวใจพับครึ่ง สำหรับนำมาประกอบขึ้นวงกลีบดอกจิกได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นสร้อยข้อมือ สร้อยคอ และต่างหู
มรกตซึ่งผ่านการคัดเลือกอย่างพิถีพิถัน โดยเหล่านักอัญมณีศาสตร์แห่ง Van Cleef & Arpels แต่ละเม็ด ต่างมอบมิติล้ำลึกของน้ำพลอยเขียวขจี เพื่อเป็นตัวแทนความสดใส มีชีวิตชีวา ท่ามกลางบรรยากาศสวนรุกขชาติตระการตา ในขณะที่โทนสีอบอุ่นเรืองรองของทองคำเฉดเหลือง ซึ่งผ่านการขัดผิวขึ้นเงาราวกระจกอย่างพิถีพิถัน ให้การสะท้อนแสงเจิดจ้าราวกับดวงตะวันสาดรัศมี ขับประกายใสสดงดงามจากเนื้อแท้ของรัตนมณี
สำหรับปีนี้ ทองคำสีกุหลาบถูกนำมาใช้เป็นตัวเรือนวงกลีบ รองรับเกสรทับทิมของเครื่องประดับดอกจิกกลีบหัวใจในคอลเล็คชั่น ‘ฟริว็อล‘ เฉดสีอบอุ่น ละมุนละไมของโลหะเลอค่า กลมกลืนกับประกายไฟอันโชติช่วง ของพลอยเนื้อแข็งตระกูลคอรันดัมน้ำงามอันหาได้ยากยิ่ง ที่เหล่าผู้ชำนาญประจำเมซง อาศัยความล้ำลึกของสีแดง เป็นเกณฑ์สำคัญในการคัดเลือก
ลูกเล่นในการจัดองค์ประกอบโครงสร้าง อาศัยลีลาสลับสีอย่างหลากหลาย อำนวยให้แหวนฟริว็อลสไตล์ใหม่ ประดับความหรูหราบนปลายมือ ด้วยความซับซ้อนในช่อพฤกษา อันประกอบไปด้วยดอกจิกสามกลีบรูปหัวใจ เกสรทับทิมห้าดอก และมรกตสามดอก ซึ่งได้รับการจัดตำแหน่งแต่ละดอกให้ลดหลั่นต่างระดับความสูงอย่างละเมียดละไมเ พื่อก่อช่องไฟสลับสีสง่างาม
งานขัดผิวขึ้นเงาราวกระจกหรือ mirror polishing อันเป็นเทคนิคงานฝีมือ ตามขนบการสร้างสรรค์เครื่องประดับอัญมณีของ Van Cleef & Arpels มานับแต่ทศวรรษ 1920 ถูกนำมาใช้กับโมทิฟรูปหัวใจพับครึ่งของแต่ละกลีบดอก เพื่อช่วยทวีประกายสุกปลั่งให้แก่เนื้อโลหะ ของทั้งทองคำเฉดเหลือง และทองคำสีกุหลาบ จนดูราวกับเครื่องประดับเหล่านี้กำลังจรัสประกายเจิดจ้าอยู่ท่ามกลางแสงตะวัน
เสน่ห์ชวนฝันในสวนศรี
แนวทางการออกแบบเครื่องประดับดอกไม้เข้าช่อ หรือ “บูเกต์” ได้มาปรากฏในคอลเลคชันต่างๆ ของ Van Cleef & Arpels มานับแต่ทศวรรษ 1910 ส่วนในระหว่างทศวรรษ 1930 คือการพลิกแพลงไปสู่การจำลองแบบดอกไม้บานสะพรั่ง ที่ถูกตัดกิ่งสดใหม่มารวบเข้าช่อ รัดก้านด้วยแถบริบบินทองคำ ตัวเรือนวงกลีบโลหะเลอค่า ฝังรัตนชาติหลากสี หรือเพชรสุกใส ต่างตรึงตรา ประทับใจด้วยน้ำหนักทรวดทรง กับลีลาความต่อเนื่องของเส้นสายซึ่งใช้ออกแบบ บางครั้งกับบางชิ้น ก็ทวีความโดดเด่นด้วยกลีบใบทองคำขัดผิว ขึ้นเงาราวกระจก สะท้อนแสงตกกระทบเจิดจ้าจรัสตา
ความหลากหลายละลานตาในการรังสรรค์ ดัดแปลงเครื่องประดับจำลองรูปลักษณ์ความงาม ของพฤกษาธรรมชาติให้สมจริง หรือเป็นการตีความตามมุมมองจินตนาการ นำมาซึ่งต่างหู สร้อยข้อมือ และกำไล แหวน และจี้สร้อยคอกับเข็มกลัด ล้วนแล้วแต่แสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมเชิงเทคนิค ควบคู่ไปกับวิวัฒนาการทางงานออกแบบของเมซง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กับการเคลื่อนไหวทางกระแสนิยม ในแวดวงศิลปะเครื่องประดับดอกไม้หลากสายพันธุ์ ถูกรังสรรค์ให้ผลิบานผ่านความงดงามล้ำค่าของอัญมณี
และสำหรับฤดูใบไม้ผลิปีนี้ ด้วยตัวเรือนกลีบทองคำฝังเกสรทับทิม หรือมรกต เครื่องประดับดอกจิกกลีบหัวใจในคอลเล็คชั่น ‘Frivole’ คือผลงานการสืบทอดขนบธรรมเนียมแห่งการสร้างสรรค์ อันยกย่องซึ่งคุณค่าแห่งความงามอย่างแท้จริง