ในแต่ละปี Van Cleef & Arpels จะทำการรังสรรค์ชุดเครื่องประดับ Diamond Breeze ขึ้นเป็นประดุจบทกวีพรรณนาถึงความงดงามตระการตาของธรรมชาติ ท่ามกลางประกายขาวกระจ่างระยับแสง ของพรมหิมะที่โรยตัวลงปกคลุมทั่วทั้งภูมิทัศน์ โดยอาศัยความวิจิตรบรรจงทางงานออกแบบ โครงสร้างตัวเรือนรองรับเพชรใสเจียระไนรูปทรงพิเศษจาก Lotus collection ไม่ว่าจะเป็นแหวนหว่างนิ้ว จี้สร้อยคอ และต่างหู ล้วนนำดอกไม้น้ำ อันเป็นสัญลักษณ์สื่อถึงความบริสุทธิ์หมดจด มาจัดช่อสามถึงสี่ดอกอย่างอ่อนช้อย
ช่อพฤกษาจรัสแสงแห่งเหมันต์
ด้วยแรงบันดาลใจจากเครื่องประดับรูปทรงดอกไม้นานาพรรณ ที่สรรค์สร้างขึ้นในช่วงปลายทศวรรษ 1920 และผลงานรังสรรค์ใหม่ในตอนต้นศตวรรษที่ 21 คอลเลคชัน ‘ดอกบัว‘ หรือ Lotus collection คือการนำสุนทรียศิลป์ทางการออกแบบเครื่องประดับรูปทรงดอกไม้ มาพลิกแพลงขึ้นใหม่ เพื่อเติมประกายสว่างใสพิสุทธ์ดุจหิมะแรกประดับข้อมือ เนินอก และวงหน้าอย่างสง่างาม

แต่ละแผ่นโมทิฟต่างขนาด ซึ่งถูกนำมาจัดวางร่วมกันเป็นบัวสี่ดอกอยู่บนหัวแหวนปลายเปิด หรือที่เรียกว่า ‘แหวนหว่างนิ้ว‘ ได้รับการจัดสัดส่วนรูปทรงให้ยกตัวขึ้น ทำมุมลาดเอียงกับเพชรเกสรตรงศูนย์กลางอย่างอ่อนช้อย เพื่อถ่ายทอดอากัปของกลีบดอก ที่แกว่งไกวไปตามสายลมโชยพัด ในขณะที่ตำแหน่งของแต่ละวงกลีบดอกไล่ระดับลดหลั่น อำนวยต่อการรับแสงตกกระทบ และสะท้อนแสงแก่กัน เพื่อทวีความเข้มแสงทอประกายสว่างจรัสจ้า สะกดสายตาอย่างมีชั้นเชิง

สุนทรียศิลป์ทางงานออกแบบตัวเรือนเปิดโปร่งนี้ ยังนำไปใช้กับคู่ต่างหู ซึ่งแต่ละข้างประกอบขึ้นจากดอกบัวกลีบเพชรสามดอกเช่นเดียวกัน โดยจัดช่อให้สองดอกอิงแอบแนบผิว เป็นเสมือนฐานรองรับอีกหนึ่งดอกที่กำลังชูช่อลอยตัว ผลงานล้ำค่าถือกำเนิดจากฝีมืออันชำนาญ ของช่างหัตถศิลป์แขนงต่างๆ ประจำเมซง ไม่ว่าจะเป็นช่างทำตัวเรือนเครื่องประดับ ช่างขัดผิว และช่างฝังอัญมณีขึ้นตัวเรือน ผู้ระดมหลากเทคนิค ทั้งงานฝังเพชรบนกรอบลูกปัด และลงในก้านหนามเตย เพื่อให้อยู่ในตำแหน่งรับแสงตกกระทบ ที่จะทวีความเข้มของแสงสะท้อนอย่างเจิดจ้า

พฤกษาสัญลักษณ์
ในฐานะดอกไม้มงคลที่ชาวเอเชียนิยมนำไปใช้สักการะ บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งยังยกย่องให้เป็นสัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์หมดจด และยังสื่อถึงวงจรวัฏฏะแห่งชีวิต ดอกบัวอันงดงามถูกนำมารังสรรค์เป็นเครื่องประดับของ Van Cleef & Arpels ครั้งแรกในระหว่างทศวรรษ 1920 ด้วยงานออกแบบสไตล์อียิปต์ ซึ่งถือเป็นตัวอย่างผลงานอันแสดงออก ซึ่งความกลมกลืนทางการจัดสัดส่วนองค์ประกอบ ในขณะที่ปี 2001 ดอกบัวได้มาแย้มกลีบผลิบานเป็นครั้งแรก บนหัวแหวนปลายเปิดของแหวนหว่างนิ้ว ซึ่งกลายเป็นชิ้นงานสัญลักษณ์ หรือตัวแทนของเครื่องประดับคอลเลคชันดอกบัว

จากนั้นได้มีการนำมาออกแบบระหว่างปี 2017 เพื่อมอบวิถีใหม่ในการสวมแหวน ด้วยโมทิฟรูปดอกบัวที่สามารถแผ่ตัวให้กระจายไปทั่วบนหนึ่งนิ้ว หรือครอบคลุมได้หลายนิ้ว สืบเนื่องจากระบบกลไกอันแยบคาย ส่วนดอกบัวในคอลเลคชันเครื่องประดับชั้นสูงนั้น จรัสประกายแห่งความสูงส่งอยู่บนเข็มกลัด ตลอดจนถูกนำมาพลิกแพลงตกแต่งบนสร้อยคอสายซิป เหล่านี้ล้วนเป็นผลงานซึ่งแสดงให้เห็นถึงหนึ่งในธรรมเนียมนิยมประจำเมซง นั่นก็คืองานเครื่องประดับขาวใสสกาวแสงที่เรียกว่า White Jewelry บทบรรจบระหว่างประกายระยิบระยับของเพชรขาวใสน้ำงาม กับประกายสุกสกาววาววามของโลหะล้ำค่า
เสน่ห์พฤกษาที่ตราตรึง จาก Van Cleef & Arpels
อาณาจักรรุกขชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘ดอกไม้‘ ยังคงเป็นแหล่งกำเนิดแรงบันดาลใจได้อย่างไม่สิ้นสุด ดอกเดซี่ปรากฏบนเข็มกลัดประดับเสื้อจากปี 1907 อันเป็นหนึ่งปีหลังก่อตั้งเมซง นับจากนั้น Van Cleef & Arpels ก็หาได้เคยหยุดยั้ง ในการศึกษาถึงลำดับการเปลี่ยนแปลงตามวงจรชีวิต ที่หมุนวนไม่จบสิ้นของเหล่าพฤกษ์พันธุ์ เพื่อถ่ายทอดลีลาไล่ระดับโทนสี และมวลความลับในช่อดอกไม้มาสู่โมทิฟรูปแบบต่างๆ ตั้งแต่จำลองความงามเสมือนจริง ไปจนถึงประดิษฐกรรมจำแลงของดอกไม้ในจินตนาการ

เครื่องประดับคอลเลคชัน ‘กุหลาบคริสต์มาส‘ หรือ Rose de Noël collection อันอ่อนช้อย ได้ถือกำเนิดขึ้นในปี 1970 ส่วนกลีบดอกของเครื่องประดับ Cosmos หรือ ‘ดาวกระจาย‘ ก็ผลิบานเป็นครั้งแรกในปี 1981 ส่วนปี 2007 เครื่องประดับชั้นสูงคอลเลคชัน ‘พวงดอกไม้‘ หรือ Flowerlace High Jewelry คือบทบรรจบระหว่างสองแหล่งกำเนิดแรงบันดาลใจ อันเป็นที่รักยิ่งของเมซง นั่นก็คือธรรมชาติกับแฟชั่น ในขณะที่ปี 2003 เครื่องประดับ Frivole หรือ ‘ดอกไม้ร่าเริง‘ คืองานออกแบบดอกไม้จากโลกแห่งจินตนาการ ด้วยกลีบรูปหัวใจอันอ่อนหวาน และงามสง่า

การหลอมรวมเหลี่ยมมุมจากเส้นกราฟิก เข้ากับทรวดทรงที่ให้ความรู้สึกบางเบา ไร้น้ำหนัก ถูกนำมาใช้ในการออกแบบดอกไม้สไตล์ต่างๆ ทั้งวงกลีบดอกเดี่ยว และช่อดอกไม้ ซึ่งล้วนจรัสประกายสรรพสีธรรมชาติ ผ่านตัวเรือนทองคำสีเหลือง ทองคำขาว และทองคำสีกุหลาบ เทคนิคขัดผิวขึ้นเงาราวกระจก ช่วยทวีความเลอค่า พร้อมกับเร่งระดับความเข้มแสง เพิ่มความสว่างให้แก่ประกายสะท้อนย้อนแนวตกกระทบ ในขณะที่งานฝังเพชรจิกไข่ปลากับการเข้าช่อโมทิฟโครงดอกไม้หลากชนิด ในสัดส่วนอสมมาตร ร่วมกันจุดประกายจินตนาการถึงพฤกษานานาพรรณ ที่กำลังผลิบานงามสะพรั่งขึ้นในใจอย่างชัดเจน

Van Cleef & Arpels ใช้งานออกแบบต่างๆ เหล่านี้ในการถ่ายทอดความงดงามตามธรรมชาติ อันบังเกิดขึ้น และผันผ่านไปอย่างรวดเร็วให้กลายเป็นผลงานเสมือนจริง ที่จะดำรงอยู่ด้วยคุณค่าตราบ นิรันดร์! Diamond Breeze