‘หมุดสตั๊ด‘ เป็นหนึ่งในหลายๆ สิ่ง ที่คาร์เทียร์สามารถหยิบยกมาเป็นแรงบันดาลใจ ในการรังสรรค์เครื่องประดับ ไม่ว่าจะเป็นน็อต สกรู ตะปูหรือสถาปัตยกรรม ไปจนถึงสิ่งมีชีวิตและธรรมชาติ ในขณะเดียวกันยังสามารถเผยความงามที่อยู่เหนือความคาดหมายได้เสมอ ความกล้าที่จะทลายทุกกฎเกณฑ์ ถือเป็นหนึ่งในดีเอ็นเอสำคัญของคาร์เทียร์ การท้าทายขนบอย่างสร้างสรรค์ ได้ถูกถ่ายทอดออกมาตั้งแต่ในผลงานยุคแรกเริ่มของเมซง
ไม่ว่าจะเป็นหมุดประดับอันโดดเด่นของนาฬิกาซานโตส เข็มกลัดทรงตะปูในช่วงต้นของศตวรรษที่ 20 หรือผลงานที่ได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปะอุตสาหกรรม ในทศวรรษที่ 1930 ซึ่งภายหลังได้ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จากความคิดสร้างสรรค์แบบไม่ซ้ำใครของ ฌาน ตูแซงท์ ครีเอทีฟไดเรกเตอร์หญิงคนแรกของคาร์เทียร์
ทลายทุกกฎเกณฑ์ด้วยผลงานสร้างสรรค์สุดท้าทาย
คาร์เทียร์นำรหัสการรังสรรค์เครื่องประดับแบบดั้งเดิมมาตีความใหม่ โดยผลงานแต่ละชิ้นนั้นเปี่ยมไปด้วยความแข็งแกร่ง โครงสร้างของตัวเรือนที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากอุตสาหกรรมหลากหลายแขนง และฮาร์ดแวร์ต่างๆ ดีไซน์ที่เน้นย้ำถึงโครงสร้างเป็นสำคัญ ก่อให้เกิดเป็นรูปทรงที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง อันเป็นที่นิยมของสตรีในยุคสมัยนั้น ที่ชื่นชอบเครื่องประดับดีไซน์เชิงสถาปัตยกรรมอันโดดเด่น ที่รังสรรค์จากลูกปัด หมุดจัตุรัสทรงโดม และหมุดสตั๊ด เอกลักษณ์ความงามที่หยั่งลึกอยู่ในมรดกล้ำค่าของคาร์เทียร์ ได้ถูกนำมาตีความใหม่อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ประวัติศาสตร์อันยาวนานของเมซงจวบจนถึงคอลเลคชั่น Clash de Cartier
‘หมุดสตั๊ด‘ ของคาร์เทียร์ หนึ่งในที่สุดแห่งดีไซน์จากเมซง…จากอดีตจวบจนปัจจุบัน
ในปี 1925 คาร์เทียร์ได้สร้างปรากฏการณ์อันน่าตื่นตาตื่นใจ เมื่อได้เข้าร่วมจัดแสดงที่งานนิทรรศการ International Exhibition of Modern Decorative and Industrial Arts ณ Pavillon de l’Elégance โดยหนึ่งในผลงานชิ้นสะดุดตาคือเครื่องประดับผม รูปทรงดอกกล้วยไม้คู่ประดับเพชร และหมุดออนิกซ์ โดยก่อนหน้าที่จะเกิดเป็นเครื่องประดับสุดโมเดิร์นคู่นี้ หลุยส์ คาร์เทียร์ ได้พัฒนาผลงานดีไซน์รูปทรงกลม ที่ขับเน้นความพิเศษด้วยหมุดทรงคาโบชงทรงแหลมมาแล้วสักระยะ ก่อนจะกลายมาเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์สำคัญของคาร์เทียร์
ในยุครุ่งเรืองของศิลปะอาร์ตเดโค การประดับหมุดสตั๊ดรวมถึงลูกปัดและหมุดจัตุรัสทรงโดม ได้กลายมาเป็นหนึ่งในนิยามแห่งสไตล์ของคาร์เทียร์ การประดับหมุดสตั๊ดกลับมาอีกครั้ง ในช่วงต้นทศวรรษ 1940 ช่วงเวลาที่เครื่องประดับพร้อมดีไซน์แบบเน้นโครงสร้าง เข้ามาเสริมความโดดเด่นให้หมุด ได้ถูกริเริ่มนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์สำคัญในการออกแบบเครื่องประดับ
ในปัจจุบันนี้ ‘หมุดสตั๊ด‘ ยังมีบทบาทสำคัญกับงานดีไซน์ โดยเฉพาะในคอลเลคชั่น Clash de Cartier ซึ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2019 คอลเลคชั่นเครื่องประดับสองขั้วที่ทลายทุกกฎเกณฑ์จากเมซง โดยนำหมุดสตั๊ดมาผสมผสานกับลูกปัด และหมุดจัตุรัสทรงโดม เรียงร้อยเป็นชิ้นงานออกแบบอันโดดเด่นสะดุดตา
ในปี 2021 หมุดสตั๊ดกลับมาเฉิดฉายเป็นดาวเด่นอีกครั้ง ในคอลเลคชั่น Clash [Un]limited ที่สะท้อนความคิดสร้างสรรค์อันไร้ขีดจำกัด และสำหรับดีไซน์ใหม่ประจำปี 2022 แคลช เดอ คาร์เทียร์ ถ่ายทอดความสมดุลแห่งดีไซน์ ผ่านสัญลักษณ์ของศิลปะสองขั้ว โดยเพิ่มการจัดเรียงหมุดขึ้นเป็นสองแถว เป็นการนำรหัสความงดงามของชิ้นงานในอดีต ผสานเข้ากับความร่วมสมัยของห้วงเวลาปัจจุบัน รังสรรค์เป็นเครื่องประดับชิ้นไอคอนิคแห่งอนาคต
เติมเต็มสไตล์ของคุณให้โฉบเฉี่ยวยิ่งกว่าเคย ด้วยเครื่องประดับคอลเลคชั่น Clash de Cartier ได้ที่ คาร์เทียร์บูติค สยามพารากอน ดิเอ็มโพเรียมและไอคอนสยาม ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และร่วมสัมผัสประสบการณ์ในแบบฉบับของ ‘แคลช เดอ คาร์เทียร์‘ อย่างใกล้ชิดด้วยตัวคุณเอง เร็วๆ นี้