สำหรับปีนี้ เครื่องประดับอัลลองบรา (Alhambra collection) ชิ้นเด่นๆ คือสร้อยคอเส้นยาวสี่สไตล์ ร้อยจี้แผ่นโมทิฟอันเป็นสัญลักษณ์นำโชค โดยอาศัยวัสดุเลอค่าสี่ชนิดในการสรรค์สร้าง เพื่อเติมเต็มความงดงามให้แก่การแต่งกายในชีวิตประจำวัน นอกจากนั้นคอลเลคชั่นล่าสุดยังทวีความหรูหรา วิจิตรบรรจง ด้วยแหวนทองคำรองรับหัวแหวนแผ่นโมทิฟทองคำสีเหลืองสุกสกาว สลักลายเส้น “กวิโญเช” (guilloché) กับนาฬิกาข้อมืออันทรงแบบฉบับจากความงามสง่า เหนือกระแสความนิยมของยุคสมัยของ Van Cleef & Arpels
Poetic Materials
สร้อยคอยาว Magic Alhambra รุ่นใหม่ทั้งสี่สไตล์ ต่างเติมเต็มความครบครันให้แก่คอลเลคชั่นเครื่องประดับอัลลองบรา ด้วยการร้อยจี้เดี่ยวแผ่นโมทิฟรูปทรงซึ่งเป็นที่รู้จัก และจดจำได้ในทันที ผลงานชุดนี้ยังโดดเด่นสะดุดตาจากการเลือกใช้แต่รัตนชาติเลอค่า ให้ความรู้สึกสูงส่ง เต็มไปด้วยพลังแห่งชีวิต ในขณะที่หยกพยับหมอกแกลเซโดนี (chalcedony) สีฟ้าอมเทาดูกลมกลืนกับประกายเงางามของทองคำขาว แผ่นแม่มุก (mother-of-pearl) เทา เจ้าของประกายเหลือบวาวไล่เฉดระยับเยือกเย็น กลับดูตัดกับประกายอบอุ่นละมุนละไมของทองคำสีกุหลาบ
สำหรับสร้อยคอยาวแบบที่สาม เมซงนำแผ่นโมราสีฟ้าสด ซึ่งปรากฏเป็นครั้งแรกในคอลเลคชั่นนี้เมื่อปี 1989 มาก่อลูกเล่นสีตัดกับทองคำเหลืองอร่าม จุดประกายจินตนาการให้นึกถึงผืนฟ้าคราอัสดง ที่แสงสุดท้ายของดวงรวีส่องสกาวอาบแผ่นฟ้าสีสด อันเป็นบรรยากาศแห่งปรากฏการณ์วารบรรจบ ระหว่างทิวาสว่างกับรัตติกาลดำมืด

ส่วนสร้อยคอยาว Magic Alhambra ร้อยจี้โมทิฟทองคำเหลืองอร่าม รองรับงานสลักลายเส้นรัศมีสาดส่องรอบดวงตะวัน หรือ “กวิโญเช” (guilloché) ทอประกายเจิดจรัสสะกดสายตา สืบเนื่องจากทักษะความชำนาญอันเป็นเลิศของ Van Cleef & Arpels มิติความลึกของร่องลาย กับโครงสร้างจำลองแบบลำแสงสาดส่องรอบดวงรวี ร่วมกันก่อลีลาวิจิตรบรรจง เติมเต็มความเลอค่าทางสุนทรียศิลป์บนเนื้อทอง นอกจากนั้นยังมีแหวน Vintage Alhambra รุ่นใหม่ทำจากทองคำสีเหลืองสุกปลั่ง ประดับมือให้เข้ากับสร้อยคอเส้นยาวสกาวแสง


ผลงานสร้างสรรค์เหล่านี้ ยังถือเป็นบทสืบทอดความเป็นนิรันดร์ให้แก่บรรดาเครื่องประดับที่ดัดแปลงวิธีสวมใส่ได้ตามธรรมเนียมแบบฉบับมานับแต่ก่อตั้งของเมซง แต่ละชิ้นสามารถพลิกแพลงวิธีสวมใส่ได้มากมาย จากสวมเป็นสร้อยคอเส้นยาวแบบเรียบ ไปจนถึงการปรับระดับลดความยาวมากึ่งหนึ่ง หรือกระทั่งสวมคล้องคอสองทบเพื่อเป็นสร้อยคอเส้นสั้น อีกทั้งยังสามารถพันกระหวัดเป็นสายสร้อยข้อมือ หรือถ้าต้องการก็ยังสามารถสวมสร้อยทิ้งสายร้อยจี้ลงไปไว้บนแผ่นหลังได้เช่นกัน

Dazzlingly Luminous Watch
นาฬิกาเครื่องประดับ Sweet Alhambra หาได้ต่างอะไรจากผลงานจำลองความงดงามของลำแสงในวงรัศมีที่แผ่ผ่านรอบดวงตะวันให้มาเจิดจรัสอยู่บนหน้าปัดสลักลายกวิโญเช (guilloché) ตัวเรือนสายสร้อยร้อยแผ่นโมทิฟล้อแสงเป็นเงางามทำจากทองคำสีกุหลาบสลับกับแผ่นแม่มุกสีชมพู และนับเป็นครั้งแรกที่แผ่นแม่มุก หรือมาเธอร์-ออฟ-เพิร์ลเฉดสีนี้ได้มาปรากฏในคอลเลคชั่นเครื่องประดับอัลลองบรา สืบเนื่องจากสีชมพูธรรมชาติยามต้องแสงพลันทอประกายเหลือบวาวราวแพรไหมได้อย่างน่าอัศจรรย์ ก่อนนำมาตัดเจียนเป็นแผ่นโมทิฟรูปทรงเอกลักษณ์ แม่มุกแต่ละแผ่นล้วนผ่านการคัดสรรอย่างระมัดระวังเพื่อให้ได้เนื้อสีที่กลมกลืนตรงกันทั้งในแง่ของเฉด และโทน ก่อนนำไปผ่านกรรมวิธีขัดผิวขึ้นเงาเพื่อสะท้อนแสงตกกระทบให้ทอประกายอ่อนโยน ละมุนละไม

ทองคำสีกุหลาบสลักลายกวิโญเช (guilloché) ก็ได้มาปรากฏในคอลเลคชั่นเครื่องประดับอัลลองบราเป็นครั้งแรกด้วยเช่นกัน ร่องลายสลักต้องแสงทอประกายเงางาม พร้อมกับทำหน้าที่บอกโมงยามอยู่บนสร้อยข้อมือเส้นนี้
Palette of Precious Materials

เพื่อรักษามาตรฐานระดับสูงประจำเมซง พลอยเนื้อแข็งทั้งหลายที่นำมาใช้ในการตกแต่งประดับประดา ล้วนถูกคัดเลือกมาจากบรรดาวัสดุคุณภาพสูงสุด อย่างหยกพยับหมอกแกลเซโดนี ร่ายมนต์เสน่ห์ตราตรึงใจจากสีฟ้าอ่อนอมเทาละมุนละไม ในขณะที่หินโมราก็ต้องมอบเฉดสีที่สม่ำเสมอ และเต็มไปด้วยประกายล้ำลึก ซึ่งทวีความงดงามด้วยขั้นตอนขัดผิวสุดพิถีพิถัน ส่วนมาเธอร์-ออฟ-เพิร์ล หรือแผ่นแม่มุกทั้งสีเทาและสีชมพู ก็สะกดทุกสายตาด้วยประกายเหลือบวาว ไล่ลำดับเฉดโทนอย่างละเมียดละไม
Vancleef & Arpels’ Expertise and Savoir-Faire
ในฐานะผลงานสืบทอดขนบธรรมเนียมแห่งความเป็นเลิศของ Van Cleef & Arpels เครื่องประดับ อัลลองบราคอลเลคชั่นต่างๆ ล้วนเป็นบทสะท้อนถึงทักษะ ความชำนาญเหนือชั้นของเมซง ผู้ผลิตเครื่องประดับอัญมณีชั้นสูง งานฝีมือต่างแขนงถูกระดมมาหลอมรวมอยู่ร่วมกันในผลงานแต่ละชิ้น จากหัตถกรรมการเจียระไนเพชรพลอย ไปจนถึงงานประดิษฐ์ตัวเรือน จากความละเอียดลออในการฝังรัตนชาติขึ้นตัวเรือน ไปสู่ความละเมียดละไมในงานขัดผิววัสดุ เพื่อยืนหยัดถึงมาตรฐานต่างๆ ของเมซง แผ่นโมทิฟซึ่งทำจากแม่มุก และรัตนชาติเนื้อแข็งทั้งหลาย ต้องอาศัยความพิถีพิถันในการตัดเจียน และขัดผิว ก่อนถูกนำมาจับคู่ เพื่อสรรค์สร้างชุดเครื่องประดับที่มีความกลมกลืน อย่างเช่นแผ่นโมทิฟสลักลายรัศมีตะวัน ริ้วลายลำแสงแผ่นตัวออกมาอยู่ท่ามกลางความงามสง่าของกรอบลูกปัดทอง ซึ่งทำหน้าที่เป็นเสมือนหนามเตยยึดแผ่นโมทิฟให้ตรึงติดบนตัวเรือน

ผิวสัมผัสเรียบเนียนของลูกปัดทองกลมกลึง ให้ความรู้สึกละมุนละไมเหล่านี้ เป็นผลงานรังสรรค์สุดวิจิตรบรรจงจากน้ำมือของสุดยอดช่างอัญมณี ก่อนติดตั้งลงบนแกนเขี้ยวหนามเตย สำหรับใช้ดัดงอลงมายึดแผ่นโมทิฟ ให้ประกบแนบแน่นกับตัวเรือน จากนั้น านขัดผิวขั้นตอนสุดท้ายก็จะช่วยเร่งความเข้มแสงสะท้อน เผยความงดงามในเนื้อแท้ของชิ้นงานจนถึงขีดสุด กล่าวโดยรวม เพื่อก่อกำเนิดผลงานสร้างสรรค์อันทรงเอกลักษณ์ ให้ยืนหยัดท้าทายทุกกระแสความนิยมแห่งยุคสมัย ต้องอาศัยกระบวนการกว่าสิบห้าขั้นตอน ตั้งแต่การคัดเลือกไปจนถึงงานฝีมือทางการผลิต และยังการตรวจสอบผลลัพธ์สำหรับแต่ละลำดับกรรมวิธีโดยละเอียด
Alhambra, An Icon of Luck Since 1968
“ถ้าอยากมีโชค คุณก็ต้องเชื่อในโชค” อย่างที่ฌาคส์ อารเปลส์ หลานชายของเอสแต็ลล์ อารเปลส์เคยกล่าวไว้ เครื่องรางและสัญลักษณ์นำโชค ถือเป็นคุณลักษณ์หนึ่งซึ่งเมซงรักยิ่ง เป็นทั้งเครื่องชี้นำ และแรงบันดาลใจในการออกแบบผลงานสร้างสรรค์อันทรงเอกลักษณ์อย่างที่สุดมาตลอด

ในปี 1968 เมซงได้ออกแบบสร้างสรรค์สร้อยคอยาวอัลลองบร้าเส้นแรกขึ้น โดยอาศัยแรงบันดาลใจจากรูปทรงของใบโคลเวอร์สี่แฉก ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ หรือเครื่องรางนำโชคอย่างหนึ่ง มาพลิกแพลงเป็นแผ่นชิ้นส่วนรูปทรงเอกลักษณ์ อย่างที่เรียกว่า ‘แผ่นโมทิฟ’ ทำจากทองคำสีเหลืองลายริ้วในตัว และเดินขอบรอบกรอบชิ้นงานด้วยลูกปัดทองกลมกลึง อย่างอ่อนช้อยพิถีพิถัน จากนั้นแผ่นโมทิฟ 20 ชิ้นก็ถูกนำมาเรียงร้อยต่อกันเป็นสายสร้อยเส้นยาว และประสบความสำเร็จในทันที พร้อมกับได้รับความนิยมไปทั่วโลก ในฐานะแบบฉบับแห่งเครื่องประดับนำโชค สัญลักษณ์แห่ง Van Cleef & Arpels
พบกับข่าวสาร และข้อมูลเพื่อการประชาสัมพันธ์ รวมถึงภาพประกอบต่างๆ ได้ทางเว็บไซต์: https://presslounge.vancleefarpels.com #VanCleefArpels #VCAalhambra @vancleefarpels