เครื่องประดับอัลลองบรา (Alhambra collection) ผลงานสร้างชื่อ หนึ่งในสัญลักษณ์ตัวแทน Van Cleef & Arpels มาตั้งแต่ปีค.ศ. 1968 ได้จรัสประกายสุกสว่างสะกดสายตาอีกครั้ง ด้วยห้าผลงานรังสรรค์ใหม่โดยอาศัยทองคำขาวสลักลายรัศมีตะวัน ‘กวิโญเช‘ (guilloché) เป็นจุดเด่น นอกจากนั้นยังมีนาฬิกาตัวเรือนทองคำสีกุหลาบ บนสายคาดร้อยลูกปัด สำหรับเป็นบทเติมเต็มให้แก่บรรดางานออกแบบ ‘เครื่องประดับนำโชค‘ อันอยู่เหนือกระแสความนิยมของยุคสมัย
เป็นเวลากว่าหลายปีที่โมทิฟแผ่นลายอัลลองบรา ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นนวัตกรรมรังสรรค์ความสดใหม่ ร่วมกับการใช้วัสดุเลอค่านานาชนิดขึ้น ครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างต่อเนื่อง อย่างเช่นในปีนี้ ที่คอลเลคชันผลงานอันทรงแบบฉบับ ได้ทำการต้อนรับสมาชิกใหม่อันประกอบไปด้วย หนึ่งสร้อยคอยาว, หนึ่งสร้อยข้อมือ, หนึ่งแหวน กับต่างหูอีกหนึ่งคู่ ทั้งหมดนี้ล้วนโดดเด่นสะดุดตา ด้วยงานฝีมือทองคำขาวสลักลายเส้นรัศมีตะวัน ‘กวิโญเช‘ เทคนิคอันให้ความสำคัญกับเวลา และความพิถีพิถันเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเมซงได้เริ่มนำหัตถศิลป์สุดวิจตรบรรจงนี้มาใช้เป็นครั้งแรก กับหน้าปัดนาฬิกาข้อมือในระหว่างทศวรรษ 1910 ก่อนขยายผลไปสู่รายละเอียดตกแต่ง บนพื้นผิวโลหะเลอค่ารองรับงานประดับรงคศิลานานาชนิด ของบรรดาประดิษฐ์กรรมยอดนิยมในทศวรรษ 1930 อาทิ กล่องเครื่องประดับ หรือกล่องเก็บของใช้จุกจิก ตลับแป้ง และกระเป๋าถือทรงกล่องสี่เหลี่ยมที่เรียกว่า ‘มิโนดิเอร‘ (Minaudière)

สำหรับผลงานเครื่องประดับทองคำขาวรุ่นใหม่เหล่านี้ งานสลักลายเส้นจำลองแบบลำแสงสาดส่องของวงรัศมีจากดวงอาทิตย์ เรียงริ้วเป็นร่องลึกลดหลั่นบนพื้นผิวเนื้อทอง รองรับแถวไข่มุกลูกปัดทองเดินขอบล้อมกรอบรอบรูปทรงใบโคลเวอร์สี่แฉก ของแผ่นโมทิฟอัลลองบรา ทวีความครบครันตามธรรมเนียม แห่งความกลมกลืนทางการออกแบบ ด้วยงานฝังลูกปัดทองคำขาวเม็ดเดี่ยวตรงกึ่งกลาง

Van Cleef & Arpels ทวีความโดดเด่นเป็นหนึ่งของอัลลองบรา ในฐานะเครื่องประดับนำโชค ผ่านผลงานใหม่ ซึ่งสรรค์สร้างขึ้นจากการหลอมรวมไหวพริบ พลิกแพลงทักษะความชำนาญด้านงานผลิตนาฬิกา เข้ากับแรงบันดาลใจอันได้จากเครื่องประดับอัญมณี นาฬิกาข้อมือ Sweet Alhambra รุ่นใหม่ จรัสประกายอบอุ่นละมุนละไมของทองคำสีกุหลาบ นี่คืองานออกแบบ ซึ่งถือกำเนิดขึ้นบนจุดบรรจบ ระหว่างเทคนิคงานฝีมือลูกปัดทองอันทรงเอกลักษณ์ กับทักษะความชำนาญด้านการผลิตนาฬิกาข้อมือ

ความเป็นผู้หญิงถูกถ่ายทอดผ่านงานออกแบบเครื่องประดับอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นกรอบตัวเรือนเดินขอบด้วยลูกปัดทองสองแถว ล้อมรอบผืนหน้าปัดทำจากแผ่นแม่มุก หรือมาเธอร์–ออฟ–เพิร์ลขาวกระจ่าง หรือความอ่อนช้อยของสายคาดข้อมือ ประกอบลูกปัดทองสุดประณีต ตามโค้งสรีระของข้อมือ มอบความสบายยามสวมใส่ ในทุกอากัปการเคลื่อนไหว

สายคาดสร้อยข้อมือยังง่ายต่อการปลดออกจากตัวเรือนนาฬิกา เพื่ออำนวยความสะดวกในการสลับสับเปลี่ยน กับสายคาดทำจากผ้าเนื้อริบบินลายเกล็ด ‘กรอส–เกรน‘ หรือสายหนังจระเข้ ด้วยเหตุนั้น นาฬิการุ่นนี้ จึงเหมาะอย่างยิ่งในฐานะเครื่องประดับบอกเวลา เติมความงามสง่าให้แก่ทุกลุคการแต่งกายประจำวัน พร้อมกับเป็นสื่อสะท้อนถึงความรู้สึก และอารมณ์ของผู้สวมใส่ในแต่ละวัน

“ถ้าอยากมีโชค เราต้องเชื่อในโชค” คือคำกล่าวของฌาคส์ อารเปลส์ หลานชายของเอสแต็ลล์ อารเปลส์ ในฐานะค่านิยมอันเป็นที่รักของเมซง โชคลาง และบรรดาสัญลักษณ์นำโชคทั้งหลาย กลายเป็นแรงบันดาลใจ และปูหนทางสู่การออกแบบผลงาน อันทรงแบบฉบับเฉพาะตัวขึ้นอย่างหลายหลากมากมาย ดังจะเห็นได้ในปีค.ศ. 1968 ที่เมซงได้สรรค์สร้างสร้อยคอยาวอัลลองบราเส้นแรกขึ้น โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากรูปทรงของใบโคลเวอร์สี่แฉก สัญลักษณ์นำโชคตามความเชื่อของวัฒนธรรมสากล ใบโคลเวอร์ทั่วไปจะมีเพียงสามแฉก และเป็นที่เชื่อกันว่า ทุกหนึ่งพันต้น จะมีใบโคลเวอร์สี่แฉกเพียงหนึ่ง จึงถือว่าการค้นพบใบไม้หายากเช่นนี้ย่อมนำโชคมงคลมาสู่

อีกทั้งยังถือกันว่าแต่ละแฉกของใบโคลเวอร์ล้วนสื่อความหมาย นั่นก็คือแฉกแรกเป็นตัวแทนแห่งความหวัง แฉกที่สองคือศรัทธา แฉกที่สามสื่อถึงความรัก และแฉกที่สี่คือโชคดี สำหรับสร้อยคอยาวอัลลองบรารุ่นต้นแบบเส้นแรก หาได้ต่างอะไรจากการร้อยเรียงแผ่นโมทิฟจำลอง รูปทรงใบโคลเวอร์สี่แฉก ตัวแทนแห่งโชคมงคลเข้าไว้ร่วมกัน 20 ชิ้น โดยที่แต่ละชิ้นต่างทำขึ้นจากทองคำสีเหลือง หล่อแบบเล่นลายริ้วย่นบนผิวสัมผัส ท่ามกลางงานล้อมกรอบด้วยลูกปัดไข่มุกทองกลมกลึง สื่อถึงความอ่อนช้อย ละมุนละไม ผลงานการออกแบบนี้ประสบความสำเร็จในทันที และเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในฐานะเครื่องประดับนำโชค Alhambra collection สัญลักษณ์แห่ง Van Cleef & Arpels