Piaget, Shapes of Extraleganza, ดีไซน์สุดหรู, Pop Art, Op Art, ลวดลายก้นหอย, แฟชั่นยุค 70, Kaleidoscope Lights, หวนคืนสู่ธรรมชาติ, โอปอลสีดำหายาก, Play of Shape

Piaget เปิดตัว ‘Shapes of Extraleganza’ ดีไซน์สุดหรู!

ผลงานการสร้างสรรค์ลำดับที่สองในซีรีส์ไตรภาค ต่อจาก "Essence of Extraleganza" ที่บอกเล่าความสัมพันธ์อันทรงพลังของ Piaget ที่มีต่องานศิลปะ
“Shapes of Extraleganza” ผลงานการสร้างสรรค์ลำดับที่สองในซีรีส์ไตรภาค ต่อจาก “Essence of Extraleganza” ที่บอกเล่าความสัมพันธ์อันทรงพลังของ Piaget ที่มีต่องานศิลปะ ทั้งยังเชิดชูความร่วมมือระหว่างเมซงและศิลปินต่างๆ ไปจนถึงบรรดานักสะสมที่มีชื่อเสียง ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน Piaget, Shapes of Extraleganza, ดีไซน์สุดหรู, Pop Art, Op Art, ลวดลายก้นหอย, แฟชั่นยุค 70, Kaleidoscope Lights, หวนคืนสู่ธรรมชาติ, โอปอลสีดำหายาก, Play of Shape โดยเครื่องประดับแต่ละชุดถ่ายทอดแนวคิดทางศิลปะที่ต่างกันออกไป ซึ่งได้หลอมรวมกาลเวลาสู่การบรรจบกันของอดีตและปัจจุบัน ประวัติศาสตร์และความทันสมัย ทั้งยังมีความเย้ายวนและยากที่จะคาดเดาในแบบฉบับของ Piaget ประกอบด้วยผลงานทั้งหมด 51 ชิ้น ที่เน้นการเล่นกับลายเส้นกราฟฟิก รูปทรงเรขาคณิต สามเหลี่ยมที่เฉียบคม ไปจนถึงรูปทรงที่เป็นอิสระ Piaget, Shapes of Extraleganza, ดีไซน์สุดหรู, Pop Art, Op Art, ลวดลายก้นหอย, แฟชั่นยุค 70, Kaleidoscope Lights, หวนคืนสู่ธรรมชาติ, โอปอลสีดำหายาก, Play of Shape ทั้งยังอ้างอิงถึงศิลปะแนว Pop Art, Op Art ลวดลายก้นหอยที่มักพบในแฟชั่นยุค 70 หรือเส้นโค้งมนอันเป็นดีไซน์เฉพาะตัวของยุค 60 เรียกได้ว่าเป็นการพบกันระหว่างโลกแห่งไฮจิวเวลรีและวัฒนธรรมป็อปที่ลงตัวอย่างน่าอัศจรรย์ และนี่คือเหล่าชิ้นงานไฮไลต์จาก “Shapes of Extraleganza” ที่เรารวบรวมมาให้คุณ Piaget, Shapes of Extraleganza, ดีไซน์สุดหรู, Pop Art, Op Art, ลวดลายก้นหอย, แฟชั่นยุค 70, Kaleidoscope Lights, หวนคืนสู่ธรรมชาติ, โอปอลสีดำหายาก, Play of Shape ชุดเครื่องประดับ Kaleidoscope Lights ที่ประกอบด้วย สร้อยคอลายเส้นขนาดใหญ่ ต่างหูระย้ายาว แหวน ไปจนถึงนาฬิกาพร้อมหน้าปัดแต่งลายรัศมีดวงอาทิตย์ โดยความพิเศษของเครื่องประดับชุดนี้ คือ การเลือกใช้หินแร่อันล้ำค่าต่างชนิด รวมถึงหินหายาก อย่าง โรโดโครไซต์ ซูจิไลต์ และเวอร์ไดด์โดยนำมาผ่านการเจียระไนอย่างพิถีพิถันให้เป็นแผ่นโค้งที่มีความหนาต่างกัน จากนั้นจึงนำมาจัดวางเรียงกันจนเกิดเป็นลวดลายที่สวยงามน่าอัศจรรย์ Piaget, Shapes of Extraleganza, ดีไซน์สุดหรู, Pop Art, Op Art, ลวดลายก้นหอย, แฟชั่นยุค 70, Kaleidoscope Lights, หวนคืนสู่ธรรมชาติ, โอปอลสีดำหายาก, Play of Shape ขณะที่กระแส “หวนคืนสู่ธรรมชาติ” จากยุค 1970 ได้รับการถ่ายทอดผ่านเครื่องประดับชุด Flowing Curves อันมีการออกแบบรูปทรงอิสระที่เป็นธรรมชาติ ซึ่งประกอบด้วยโอปอลสีดำหายาก ประดับฝังลงบนตัวเรือนไวท์โกลด์ที่ตีขึ้นรูปด้วยมืออย่างประณีต เป็นเทคนิคเฉพาะจาก House of Gold เกิดเป็นลวดลาย Decor Palace อันโด่งดัง ยิ่งไปกว่านั้นเครื่องประดับชุดนี้ยังเป็นผลงานที่แสดงความเคารพต่อความหลงใหลในโอปอลของ Yves Piaget อีกด้วย Piaget, Shapes of Extraleganza, ดีไซน์สุดหรู, Pop Art, Op Art, ลวดลายก้นหอย, แฟชั่นยุค 70, Kaleidoscope Lights, หวนคืนสู่ธรรมชาติ, โอปอลสีดำหายาก, Play of Shape เครื่องประดับชุด Wave Illusion ที่งดงามโดดเด่นด้วยสปิเนลสีแดงและสีชมพูอมส้มอันหายาก ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากสีสันสดใส เส้นเรขาคณิตอันบริสุทธิ์ และความเบิกบานอย่างไร้เดียงสาแบบเด็กน้อย จากกระแส Memphis ในปี 1980 Piaget, Shapes of Extraleganza, ดีไซน์สุดหรู, Pop Art, Op Art, ลวดลายก้นหอย, แฟชั่นยุค 70, Kaleidoscope Lights, หวนคืนสู่ธรรมชาติ, โอปอลสีดำหายาก, Play of Shape ขณะที่แซฟไฟร์สีเหลืองอร่ามราวกับประกายแสงแดด เป็นหัวใจของเครื่องประดับชุด Curved Artistry อันเต็มไปด้วยโทนสีลูกกวาด ประกอบด้วยชิ้นงานไฮไลท์ อย่าง แหวนซ่อนนาฬิกา (Secret Ring Watch) อันเป็นผลงานเอกลักษณ์จากการสร้างสรรค์ของ Piagetในยุค 1940s โดยหน้าปัดนาฬิกาฝังเพชรจะถูกซ่อนไว้ภายใต้อความารีนทรงหลังเบี้ยใสที่ส่องประกาย Piaget, Shapes of Extraleganza, ดีไซน์สุดหรู, Pop Art, Op Art, ลวดลายก้นหอย, แฟชั่นยุค 70, Kaleidoscope Lights, หวนคืนสู่ธรรมชาติ, โอปอลสีดำหายาก, Play of Shape ปิดท้ายด้วยผลงานชิ้นเอกของคอลเลกชั่นนี้ที่สร้างความตื่นตะลึง นั่นคือ Endless Motion นาฬิกาตั้งโต๊ะที่ออกแบบและประดิษฐ์ขึ้นให้เสมือนเป็นงานประติมากรรมที่เคลื่อนไหวได้ (Mobile Sculpture) Piaget, Shapes of Extraleganza, ดีไซน์สุดหรู, Pop Art, Op Art, ลวดลายก้นหอย, แฟชั่นยุค 70, Kaleidoscope Lights, หวนคืนสู่ธรรมชาติ, โอปอลสีดำหายาก, Play of Shape ผลงานชิ้นนี้เป็นตัวแทนแห่งสายสัมพันธ์ของ Piaget ที่มีให้กับโลกศิลปะและศิลปินทั้งหลาย อีกทั้งยังเป็นผลงานที่รังสรรค์ เพื่อยกย่องอัจฉริยภาพของ Alexander Calder และผลงานศิลปะแนวจลศาสตร์จากยุค 1970 กล่าวได้ว่าเป็นการเฉลิมฉลองให้กับการสร้างสรรค์บนแนวทาง “Play of Shape” หรือการเล่นกับรูปทรงที่เมซงยึดมั่นมาอย่างยาวนาน

Share:

Facebook
Twitter
Pinterest
LinkedIn