Piaget Polo Flying Tourbillon Moonphase เมื่อพูดถึง เพียเจต์ โปโล สิ่งแรกที่นึกถึงคือ เรือนเวลาสปอร์ตคอลเลกชั่นแรกของแบรนด์ ที่โดดเด่นด้วยสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ ผลงานแห่งยุค 1980s ที่เพียเจต์หยิบเทรนด์ ‘สปอร์ตชิค‘ มาสร้างจุดเปลี่ยนให้กับวงการนาฬิกาด้วยการนำวัสดุอย่างทองคำมาเป็นหัวใจหลักในการสร้างสรรค์ ก่อนนำเสนอเวอร์ชั่นที่หลากหลายและผลลัทธ์ที่แสดงถึงความซับซ้อน แหวกขนบให้กับผู้สวมใส่จวบจนปัจจุบัน
โดยความหลงใหลที่เมซงมีต่อคอลเลกชั่นเพียเจต์ โปโล ตลอดจนความคิดสร้างสรรค์ในการก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ ต่างสะท้อนอยู่บนผลงานนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็น
- Piaget Polo Skeleton ปี 2021 เรือนเวลาหน้าปัดเปลือย ที่นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องความเพรียวบาง ยังนำเสนอออกมาถึง 2 เวอร์ชั่น คือ รุ่นกลไกสเกเลตันสีน้ำเงิน และ สีเทา
- Piaget Polo Perpetual Calendar Ultra-thin ปี 2023 ซึ่งนับครั้งแรกของคอลเลกชั่นที่ถูกเติมเต็มด้วยระบบกลไกปฏิทินถาวร
และล่าสุดกับ PiagetPoloFlyingTourbillon Moonphase ผลงานปี 2025 ที่ยกระดับความท้าทายไปอีกขั้น นำเสนอทั้งชั้นเชิงทางเทคนิคและความสลับซับซ้อนทางด้านวิศวกรรมและการออกแบบได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยการบรรจุฟลายอิ้ง ตูร์บิญอง และ คอมพลิเคชั่นปฏิทินถาวรไว้ในคอลเลกชั่นเพียเจต์ โปโล ได้สำเร็จ รังสรรค์ด้วยไทเทเนียมในเฉดสีน้ำเงินซิกเนเจอร์ของแบรนด์และสีเทา โดยคงรากเหง้าและหลอมรวมดีไซน์โค้ดของเมซง ทั้งในแง่ ความเพรียวบาง, ความเชี่ยวชาญด้านวัสดุ และ ความสง่างาม ไว้อย่างครบครัน
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งไมล์สโตนที่ทรงคุณค่าและภาคภูมิใจของเมซง หลังก่อนหน้านี้ประกาศความสำเร็จกับ Altiplano Ultimate Concept Tourbillon เป็นที่เรียบร้อย
Refined
PiagetPoloFlying Tourbillon Moonphase คืออีกบทพิสูจน์ที่สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญพิเศษของเพียเจต์ ในการสร้างสรรค์เรือนเวลาที่เพรียวบางมาตั้งแต่ยุคแรกเริ่ม แม้โมเดลล่าสุดจะบรรจุความสลับซับซ้อน อย่าง ฟลายอิ้ง ตูร์บิญอง และ คอมพลิเคชั่นปฏิทินถาวรไว้ภายใน แต่เมซงกลับส่งมอบความหนาในภาพรวมเพียง 9.8 มม. เท่านั้น โดยหนึ่งในความท้าทายที่เป็นตัวแปรสำคัญคือ กลไก 642P ที่หนาเพียง 4 มม. ซึ่งทั้งหมดบรรจุอยู่ในตัวเรือนขนาด 44 มม. รังสรรค์ด้วยวัสดุอย่างไทเทเนียม ขัดแต่งด้วยลายซาติน ตัดสลับการขัดเงาอย่างพิถีพิถัน – วัสดุที่ตอบโจทย์เรื่องน้ำหนักเบา ทั้งยังขึ้นชื่อเรื่องความหายาก พอๆ กับประสิทธิภาพเรื่องความแข็งแกร่ง นอกจากนี้ยังรวมถึงความสามารถในการรักษาคุณสมบัติทั้งหมดไว้ให้คงอยู่ แม้จะผ่านขั้นตอนการเคลือบด้วยเทคนิค PVD ก็ตาม ขณะที่ด้านข้างตัวเรือนและเม็ดมะยม เคลือบสีน้ำเงินเฉดเดียวกับพื้นหน้าปัด ที่มาพร้อมโมทีฟ gadroon อันเป็นเอกลักษณ์ของเพียเจต์ โปโล นับตั้งแต่เผยโฉมครั้งแรกในปี 1979
Calibrated
ภายใต้สุนทรียศาสตร์อันงดงามของ Piaget Polo Flying Tourbillon Moonphase เมซงยังแสดงออกถึงความเชี่ยวชาญด้านศาสตร์แห่งเครื่องบอกเวลาได้อย่างเต็มภาคภูมิ ชิ้นส่วนทุกชิ้นผลิตขึ้นภายในโรงงานของเพียเจต์เอง ณ La Côte-aux-Fées สถานที่เลื่องชื่อด้านการผลิตกลไกชั้นเลิศ ตั้งแต่แบบคลาสสิก ไปจนถึงคอมพลิเคชั่นที่มีความซับซ้อนสูง ทุกขั้นตอนดำเนินการภายใต้ความความชำนาญและความเป็นเลิศที่บ่มเพาะมาอย่างยาวนาน ของทีมช่างฝีมือ นักพัฒนา วิศวกร ช่างนาฬิกา นักออกแบบ เพื่อส่งมอบความเที่ยงตรงและแม่นยำขั้นสูง ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญที่เมซงทุ่มเทจิตวิญญาณมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง
อย่างในโมเดลล่าสุดนี้ เมซงได้หยิบเอาตูร์บิญอง คาลิเบอร์ 600P ซึ่งครั้งหนึ่งเคยได้รับการยกย่องว่าเป็นตูร์บิญองที่บางที่สุดเท่าที่เคยมีมา มาพัฒนาต่อยอดเป็นเวอร์ชั่นใหม่อย่าง คาลิเบอร์ 642P ซึ่งเปิดตัวที่ความหนา 4 มม. โดยยังคงรากเหง้าความเพรียวบางของคาลิเบอร์ 600P ไปจนถึง cage รูปตัว ‘P’ ซึ่งเป็นพาร์ทสำคัญของตูร์บิญองไว้อย่างครบครัน และถึงแม้จะถูกเติมเต็มด้วยระบบกลไกปฏิทินถาวร แต่เมซงกลับคิดค้นวิธีการเพื่อรักษาความบางในภาพรวม ทำให้คาลิเบอร์ 642P เวอร์ชั่นล่าสุดนี้มีความหนากว่าคาลิเบอร์ 600P ต้นแบบเพียง 0.5 มม. เท่านั้น ขณะที่ฟังก์ชั่นมูสเฟสบอกข้างขึ้นข้างแรมเป็นแบบความเที่ยงตรงสูง โดยแสดงผลได้แม่นยำตามหลักดาราศาสตร์ถึง 122 ปี จึงปรากฏค่าความคลาดเคลื่อนสะสมให้เห็น 1 วัน ซึ่งผู้สวมใส่สามารถตั้งค่าได้เองโดยใช้ corrector ปรับที่ตำแหน่ง 9 นาฬิกา ซึ่งทำเพียงแค่ 1 ครั้งเท่านั้น ในรอบ 122 ปี เพื่อให้การแสดงผลตรงกับตำแหน่งความเป็นจริงของดวงจันทร์อีกครั้ง
Exuding allure
ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา เมซงสร้างสรรค์เรือนเวลารุ่นแล้วรุ่นเล่าเพื่อส่งมอบความหลากหลายให้กับผู้ใช้งาน เฉกเช่น PiagetPoloFlying Tourbillon Moonphase รุ่นล่าสุด ที่มาพร้อมดีไซน์เรียบง่าย แต่ก็ยังคงหรูหรา มีเอกลักษณ์ ทั้งยังเน้นย้ำถึงคุณภาพเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีในการสวมใส่ ขณะที่หน้าปัดทรงคุชชั่นที่ถูกโอบล้อมไว้ด้วยเคสตัวเรือนทรงกลม ถือเป็นคอนทราสต์ที่เมซงหยิบมาเข้าคู่กันได้อย่างลงตัว กลายเป็นซิกเนเจอร์คุ้นตาของคอลเลกชั่นเพียเจต์ โปโล จนถึงทุกวันนี้
อีกทั้งมุมมองของผู้สวมใส่ยังสะท้อนให้เห็นการเคลื่อนไหวที่เที่ยงตรงบนพื้นหน้าปัด ตลอดจนมูสเฟสแสดงข้างขึ้นข้างแรมที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา และเมื่อพลิกกลับอีกด้านก็จะพบกับกลไกที่กำลังทำงานผ่านคริสตัลแซฟไฟร์
และนี่คือ Piaget Polo Flying Tourbillon Moonphase ที่พร้อมเผยแก่นแท้ของเรือนเวลาให้คุณสัมผัสในทุกมุมมอง ทั้งในแง่ความประณีต เพรียวบาง เบาสบาย พร้อมด้วยความสลับซับซ้อนที่ไม่สิ้นสุด